1. เปิดโปรแกรม ArcMap แล้วสร้าง Folder เก็บไว้ใน RTArcGIS ตั้งชื่อว่า Project_(ชื่อของเรา)
2. จากนั้นเปิดข้อมูลที่ Folder Lab 11 แล้ว Copy ไฟล์ Chopayaไปเก็บไว้ใน Folder ที่เราสร้าง
3.เปิดข้อมูล Chopaya จาก Folder ที่เราสร้าง
เนื่องจากข้อมูลที่เปิดมาไม่มีค่าพิกัด จึงต้องเข้าไปเซตค่าพิกัดและหน่วยของแผนที่ โดยไปที่ View >> Data Frame Properties…
จะปรากฏหน้าต่าง Data Frame Properties ขึ้นมา
ไปที่ General แล้วไปเซตค่าที่ Unit ในช่อง Map กำหนดเป็น Meters และช่อง Display กำหนดเป็น Meters (ในช่อง Display คือ ตัวที่หน้าหน้าจอที่ใช้แสดงผล ส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับหน่วยของตัวแผนที่ที่เราเซตไว้ก่อนหน้าก็คือ Meters แต่หน่วยในการวัดอาจจะ Display เป็นกิโลเมตรก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการให้วัดหน่วยของข้อมูลเป็นอะไร แต่ปกติจะใช้เป็น Meters ทั้งสองอัน) หลังจากเซตค่าเรียบร้อยแล้วก็กด OK
หน่วยของแผนที่ที่แทบ Status bar ก็เปลี่ยนเป็น Meters
การจัดการมาตราส่วน
โดยไปที่ช่องมาตราส่วน
ในการ Zoom out และ Zoom in ก็จะเป็นการบอกค่ามาตราส่วนเหมือนกัน
Zoom In
Zoom Out
คลิกเลือกที่มาตราส่วนก็จะมีมาตราส่วนในเครื่องปรากฏอยู่ ซึ่งเราสามารถที่จะเพิ่มหรือมาตราส่วนได้ โดยไปคลิกที่ Customize The List…
จะขึ้นหน้าต่าง Scale Setting มา เราสามารถเพิ่ม Scale หรือ มาตราส่วนให้กับตัวโปรแกรมหรือSoftware อื่นๆได้ โดยพิมพ์มาตราส่วนที่ราต้องการลงไปในช่องว่างแล้วก็กด Add เช่น พิมพ์มาตราส่วน 1:50,000 มาตราส่วนก็จะไปแสดงอยู่ใน Standard Scales
ถ้าต้องการจะลบโดยเลือก Scale ที่เราจะลบ แล้วกด Delete
การกำหนดและแปลงระบบพิกัดภูมิศาสตร์ (Projection) และการแปลงพื้นหลักฐาน (Datum)
การกำหนดระบบพิกัดภูมิศาสตร์ (Define Projection)
1. ทำการเช็คข้อมูลระบบพิกัดของ Chopaya โดยคลิกขวาที่ Chopaya แล้วเลือก Properties
จากนั้นไปที่ ArcToolbox >> Data Management Tools >> Projections and Transformations >> Define Projection
ก็จะได้หน้าต่างสำหรับ Define Projection ออกมา โดยค่าที่ต้องเข้าไปเซตคือ Input Dataset or Feature Class การกำหนดค่าพิกัดที่ต้องการ ในที่นี้คือ Chopaya และ Coordinate System
จากนั้นเลือกระบบค่าพิกัดโดยไปคลิกที่รูปมือด้านขวา จะปรากฏหน้าต่าง Spatial Reference Properties แล้วทำการ Define Projection โดยไปที่ Select เลือก Projected Coordinate Systems >> UTM >> WGS 1984 >> Northen Hemisphere >> WGS1984 UTM Zone 47N.prj แล้วกด Add
ใน Coordinate System ก็จะมีข้อมูลค่าพิกัดแสดงขึ้นมา จากนั้นกด OK >> OK
แล้วทำการเช็คข้อมูลระบบพิกัดของ Chopaya อีกครั้ง โดยไปคลิกขวาที่ Chopaya แล้วเลือก Properties จะปรากฏหน้าต่าง Layer Properties ขึ้นมา จากนั้นไปที่แถบ Source จะเห็นได้ว่าส่วนของ Coordinate System จะปรากฏข้อมูลของหน่วยและค่าพิกัดขึ้นมา
การแปลงระบบพิกัดภูมิศาสตร์หรือโซน (Projection) หรือการแปลงระบบพิกัดให้กับตัวข้อมูล (Re Projection)
เลือกเป็น Blank Map แล้วกด OK
ก็จะขึ้นหน้าเอกสารเปล่าขึ้นมา จากนั้นไปที่ Folder Lab11 >> World แล้วทำการเปิดข้อมูล Country
ข้อมูล Country ก็จะปรากฏขึ้น ดังรูป
จากนั้นเช็คระบบพิกัด
ข้อมูล Country เป็นระบบพิกัดภูมิศาสตร์ เนื่องจากหน่วยเป็น Degree หรือดูจาก Status bar หน่วยจะเป็นองศา
ทำการแปลงระบบพิกัดภูมิศาสตร์ให้เป็น UTM ไปที่ ArcToolbox >> Data Management Tools >> Projections and Transformations >> Feature >> Project
จะปรากฏหน้าต่าง Project ขึ้นมาให้เซตค่า ในช่องแรกก็คือข้อมูลที่เราต้องการจะแปลง คือ Country ช่องที่สอง จะขึ้นค่าพิกัดเดิมของแผนที่ ซึ่งไม่สามารแก้ไขได้ ช่องที่สาม โดยให้ตั้งชื่อ ไปคลิกที่ Folder ด้านขวามือ ไปที่ Folder ที่เราสร้างไว้ แล้วตั้งชื่อว่าCountry_UTM แล้วกด Save
จากนั้นในช่อง Output Coordinate System คือ ระบบพิกัดที่ต้องการจะแปลง โดยแปลงเป็น UTM ไปที่ Select เลือก Projected Coordinate Systems >> UTM >> WGS 1984 > >Northren Hemisphere >> WGS1984 UTM Zone 47N.pjr แล้วกด Add จากนั้นคลิก OK
จะปรากฏ ดังรูป เนื่องจากเราไม่ได้เลือกข้อมูลทั้งหมดจึงแสดงผลมาเฉพาะสิ่งที่เลือก
การแปลงพื้นหลักฐาน Datum (Datum Transformation)
ประเทศไทยใช้พื้นหลักฐานหรือ Datum มี 2 ชนิดที่ใช้ คือ Indian 1975 จะเป็นZone 47 N หรือ 48 N ขึ้นอยู่กับตัวแผนที่ แต่ปัจจุบันพื้นหลักฐานนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วเปลี่ยนมาใช้ WGS 1984 แต่ก็ยังมีข้อมูลเก่าบางตัวที่ใช้ Indian 1975
ไปที่ LAB 11 แล้วเปิดข้อมูล Polygon ของ Province เป็นข้อมูลขอบเขตจังหวัดของประเทศไทย
จากนั้นเปิดข้อมูล Polygon ของ Bangkok จะมีหน้าต่างดังรูปขึ้นมา ซึ่งภายในหน้าต่างนี้บอกว่าระบบพิกัดของ Bangkok ไม่เหมือนกันกับระบบพิกัดของ Province กด Close ออกไปได้เลย
ข้อมูลของ Bangkokเนื่องจากข้อมูลมีระยะห่างกันมากประมาณ 300-400 เมตร เพราะฉะนั้นต้องแปลงพื้นหลักฐาน
โดยไปที่ View >> Data Frame Properties
จากนั้นไปที่แถบCoordinate Systems แล้วไปที่ Folder ที่ชื่อว่า Layers ในช่องของ Select a Coordinate Systems
ในตัว Layers จะเป็นข้อมูลที่เราเปิดไว้ คือข้อมูล Bangkok และ Province เนื่องจากต้องแปลงระบบพิกัดของ Bangkok ที่เป็น Indian 1975 ให้เป็น UTM WGS 1984 ซึ่งต้องเลือกระบบพิกัดของ Province เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้ไปที่คำสั่ง Transformations…
จะปรากฏหน้าต่าง Geographic Coordinate System Transformations ขึ้นมา ในช่อง Convert from (ต้องการเปลี่ยนจาก) : ซึ่งคือ GCS_Indian_1975 ส่วนช่อง Into (จาก Into ที่เลือก): ซึ่งคือ GCS_WGS_1984 จากนั้นคลิกที่ New...
จะปรากฏหน้าต่าง New Geographic Transformation ขึ้นมา
โดยหน้าต่างนี้จะเป็นการให้ตรวจสอบอีกครั้ง ในช่อง Source GCS คือ ข้อมูลเดิมก็คือ Indian 1975
และช่อง Target GCS หรือว่าเป้าหมาย ก็คือ WGS 1984 จากนั้นในช่อง Parameters** (สำคัญ) คือค่าที่จะต้องกรอกลงไป ซึ่งจะแบ่งเป็นค่า แกน X ,Y, Z ซึ่งค่าตัวเลขที่จะต้องกรอกลงไปเป็นระยะทางของพิกัดของแกนแต่ละแกน เพื่อที่จะให้ยึดหรือตรึงกลับไปที่ระบบพิกัด WGS 1984 เพราะจากเดิมเป็น Indian 1975 จะเห็นได้ว่าระยะทางจะชิดหรือ Over lab กัน เพราะฉะนั้นตัวเลขที่จะกรอกลงไปจะทำให้ Bangkok กลับมาเป็น WGS 1984 ให้ซ้อนทับกันสนิทกับตัว Province โดยค่าของแกน X ในช่อง Value ที่จะต้องกรอกลงไป แกน X จะต้องใส่ค่าคือ 206 ส่วนแกน Y คือ 837 และแกน Z คือ 295 ค่าตัวเลขที่กรอกไปทั้งหมดนี้เป็นค่าคงที่ ถ้าต้องการจะแปลงจาก Indian 1975 เป็น WGS 1984 ก็กรอกตัวเลขตามนี้ แต่ถ้าต้องการจะแปลงจาก WGS 1984 เป็น Indian 1975 ใส่เครื่องหมายลบนำหน้าตัวเลขทั้งสามตัว ถ้าตัวเลข OK ทั้งหมดแล้ว กด OK >>OK >> OK
ซึ่งในการแปลง Datum ในตัว Bangkok เป็นการแปลงแบบชั่วคราว ถ้าต้องการจะให้คงระบบพิกัดนี้ไว้ ต้องทำการ Export ออกไป โดยไปคลิกขวาที่ Bangkok >> Data >> Export Data…
เลือก Folder ตั้งชื่อแล้วก็กด Save
การทำ Append
การ Append เป็นการรวมข้อมูลได้ทั้ง Point , Line , Polygon หลักการคือ จะเอาข้อมูลที่ 2 ไปรวมกับข้อมูลที่ 1 โดยไม่ได้ไฟล์ใหม่ขึ้นมา เพราะฉะนั้นไฟล์ต้นฉบับที่ 1 จะไม่มีอีก จะมีก็เพียงไฟล์ที่ 2
ไปที่ Lab 12 >> Data จากนั้น Copy ไฟล์ Lu5038i และไฟล์ Lu5138iv ไปใส่ไว้ใน Folder ที่สร้างไว้
จากนั้นทำการเปิดข้อมูลที่ Copy มา การเปิดข้อมูลถ้ามีหน้าต่าง Geographic Coordinate Systems Warning ขึ้นมาให้กด Close
วัตถุประสงค์ในการ Append ต้องการจะนำ Lu5138iv (สีม่วง) ไปรวมกับ Lu5038i (สีชมพู) โดยให้ Lu5038i (สีชมพู) เป็นตัวตั้งต้นหรือเป็นเป้าหมายแล้วนำ Lu5138iv (สีม่วง) เข้าไปรวม
จากนั้นไปเปิดคำสั่ง Append โดยไปที่ ArcToolbox >> Data Management Tools >> General >> Append
- ถ้าเลือก TEST คือ โครงสร้างของข้อมูลทั้งสองไฟล์ทั้ง Lu5038i และ Lu5138iv จะต้องมีโครงสร้างที่เหมือนกันถึงจะรวมกันได้
- ถ้าเลือกNO_TEST โครงสร้างของสองข้อมูลไม่จำเป็นต้องเหมือนกันก็ได้
ถ้าสมมติในช่อง Schema Type (optional) เลือก TEST แล้วกด OK
ผลที่ได้ก็คือ Error แสดงว่าในข้อมูลทั้งสองจะต้องมีอะไรที่แตกต่างกัน จึงไม่สามารถ Append กันได้
แต่ถ้าเราเลือกเป็น NO_TEST
ข้อมูลทั้งสองข้อมูลก็จะรวมเข้าด้วยกัน
การทำ Erase
คือ การตัดข้อมูลบริเวณหรือขอบเขตที่ต้องการ แต่จะไม่เหมือนคำสั่ง Clip (ตัดเฉพาะขอบนอก)
ไปที่ Lab 12 จากนั้นไปที่ Geodatabase ที่ชื่อว่า Pathumthani แล้วเปิดข้อมูล SOILS และ WATER ก็จะปรากฏข้อมูลชุดดินและข้อมูลแหล่งน้ำของ Pathumthani
ซึ่งในอำเภอนี้มีแหล่งน้ำอยู่ 3 แหล่ง และต้องการจะตัดข้อมูลชุดดินหรือพื้นที่ดินให้มีรูปร่างตามแหล่งน้ำเพราะต้องการจะวิเคราะห์พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืช โดยจะต้องใช้คำสั่ง Eras เพื่อที่จะตัดข้อมูลเฉพาะบริเวณที่ต้องการออกไป
ไปที่ ArcToolbox >> Analysis Tools >> Overlay >> Erase
จะปรากฏหน้าต่าง Erase ขึ้นมา ในช่อง Input Features (ข้อมูลที่ต้องการจะตัด) เลือก SOILS ส่วนช่อง Erase Features (ขอบเขตของข้อมูลที่ต้องการจะตัด) เลือก WATER และช่อง Output Feature Class ก็เข้าไปตั้งชื่อ (Erase) ใน Folder Project จากนั้นกด SAVE >> OK
การจัดกลุ่มข้อมูลใหม่ (Reclassify)
ข้อมูลที่จะนำมาจัดกลุ่มใหม่จะต้องเป็นข้อมูล Raster หรือข้อมูลกริด
ไปที่ Folder Prachinburi >> Prachindem30m
จะเป็นแบบจำลองความสูงเชิงเลขหรือ DEM จะแสดงความสูงต่ำของพื้นที่
ซึ่งข้อมูล dem จะสร้างมาจากข้อมูลจุดความสูงเอามาผ่านกระบวนการ Interpolaytion แปลงจากข้อมูลจุดให้เป็นข้อมูลกริดหรือเป็นข้อมูล Raster
จากนั้นทำการจัดกลุ่มข้อมูล โดยไปที่ ArcToolbox >> 3D Analyst Tools >> Raster Reclass >> Reclassify
จะปรากฏหน้าต่าง Reclassify ที่ช่อง Input raster เลือก Prachindem30m.tif จากนั้นเลือก Classify
จะปรากฏหน้าต่าง Classification ที่ช่อง Classification Method เลือก Equal Interval ส่วนช่อง Classes ให้เป็น 7 แล้วเลือก OK
เลือกสัญลักษณ์โฟลเดอร์ด้านขวามือของช่อง Output raster
ตั้งชื่อว่า Reclass ที่โฟลเดอร์ที่สร้างไว้ แล้วเลือก Save
จากนั้นเลือก OK
จะปรากฏ ดังรูป

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น